Archive for the ‘Han Solo’ Tag
Set No.: 9516
Set Name : Jabba’s Palace
Year : 2012
Pieces : 717
Figures : 9 – Jabba The Hutt, Salacious B. Crumb, Bib Fortuna, Gamorrean Guard, Oola, B’Omarr Monk,
Han Solo, Princess Leia (Boushh outfit), Chewbacca
List Price : $120, Thailand ฿9,000
วังของแจ๊บบาเมื่อมองจากด้านนอกที่มีประตูเข้า
เปิดหลังคาออกเพื่อให้เห็นรายละเอียดภายในรวมถึง Minifig ทุกตัว
เจ้าหญิงเลอาปลอมตัวเป็นนักล่าค่าหัวชื่อ บูช (Boushh) แกล้งทำเป็นว่าจับชิวแบคก้า (Chewbacca) มาเพื่อรับเงินรางวัล
แจ๊บบาเปิดประตูกลเพื่อส่งอูล่า (Oola) นักเต้นระบำสาวชาวทวีเล็ค (Twi’lek) ลงไปเป็นเหยื่อให้กับตัวแรนคอร์ (Rancor)
เจ้าหญิงเลอาขณะช่วยฮัน โซโลออกจากแท่งคาร์บอไนต์
Jabba The Hutt, Salacious B. Crumb
Bib Fortuna, Gamorrean Guard, Oola, B’Omarr Monk
Han Solo, Princess Leia in Boushh outfit, Chewbacca
ใบหน้าอีกด้านของ Han Solo และ Princess Leia
ดูรายละเอียดของวังของแจ๊บบา (Jabba’s Palace) และตัวละครบางตัวได้ที่ 4480 – Jabba’s Palace, 4475 – Jabba’s Message และ 4476 – Jabba’s Prize
วังของแจ๊บบา (Jabba’s Palace) ถูกทำออกมาครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกออกมาในปี 2003 ใน version ล่าสุดนี้ Lego ทำออกมาได้ดีทีเดียว ดูคล้ายกับรูปลักษณ์ภายนอกของวังของแจ๊บบาที่อยู่ในหนังเลย ส่วนภายในก็เก็บรายละเอียดการตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้ดี มีทั้งถังยาสูบของแจ๊บบา และแท่งคาร์บอไนต์ (Carbonite) ที่มีฮันถูกแช่แข็งภายใน
ในชุดนี้ให้ Minifigures มาถึง 9 ตัว และมีตัวละครหลายตัวที่ไม่เคยมีในชุดไหนมาก่อน ได้แก่ บูช (Boushh), อูล่า (Oola) และ Salacious Crumb
บูช (Boushh) เป็นนักล่าค่าหัวชาว Ubese หรือ Ubesian จากดาว Uba IV เพศชาย มีความสูง 150 เซนติเมตร ชาว Ubese เป็นพวกเร่ร่อนและพเนจรในกาแล็คซี่ การมีนิสัยเกลียดกลัวคนแปลกหน้าอื่น ทำให้พวกนี้ที่เป็นนักล่าค่าหัว หรือทหารรับจ้างแต่งตัวอย่างปกปิด และมิดชิด Boushh เริ่มเป็นนักล่าค่าหัวตั้งแต่ยังเยาว์วัย ประสพการณ์ที่ยาวนานจึงทำให้เขาเป็นนักล่าค่าหัวที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เป็นคนที่ไม่ไว้ใจใคร เขามักหากินอยู่แถบริมขอบนอก (Outer Rim Territories) เขาเคยเข้าร่วมกับนักล่าค่าหัวคนอื่นเพื่อตามล่าเจไดที่หลงเหลือในช่วงคำสั่งที่ 66 มาแล้ว
อูล่า (Oola) เป็นนักเต้นระบำสาวชาวทวีเล็ค (Twi’lek) ที่อยู่ในวังของแจ๊บบา เธอเป็นลูกสาวของอดีตหัวหน้าเผ่าคนหนึ่งบนดาวไรลอธ (Ryloth) เธอถูกบิ๊บ ฟอร์ทูนา (Bib Fortuna) คนสนิทของแจ๊บบาซึ่งเป็นชาวทวีเล็คเหมือนกับเธอล่อลวงมาเป็นสาวนักเต้น เพื่อมอบเธอเป็นของขวัญให้กับแจ๊บบา แต่เธอเต้นระบำไม่ถูกใจแจ๊บบา แจ๊บบาจึงส่งเธอลงไปเป็นอาหารให้กับตัวแรนคอร์ (Rancor) สัตว์เลี้ยงแสนดุร้ายของแจ๊บบา
Salacious Crumb เป็นสัตว์ประเภทครึ่งลิงครึ่งตะกวดจากดาว Kowak (Kowakian monkey-lizard) เป็นสายพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานชนิดสองเท้า มีความฉลาดเฉลียวเป็นอย่างยิ่ง และสามารถพูดได้โดยไม่หยุด Crumb ทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวตลกประจำราชสำนัก คอยให้ความบันเทิงแก่แจ๊บบา แจ๊บบามักจะพูดเสมอว่า “ทุกวัน และทั้้งวัน เจ้า Crumb เจ้าจะต้องทำให้ข้าหัวเราะ หรือไม่ก็กลายเป็นอาหารของข้า” ในเวลาที่แจ๊บบาไม่อยากต้อนรับแขกคนไหน หรือไม่อยากพบแขกคนไหน Crumb ก็จะทำหน้าที่เหมือนเป็นลูกสมุนของแจ๊บบาที่คอยข่มขู่แขกคนนั้น โดยการพูดซ้ำคำพูดที่โหดร้ายและคุกคามขอแจ๊บบา
ตัววังของแจ๊บบาชุดใหม่นี้มีความกว้าง 19 เซนติเมตร ยาว 29 เซนติเมตร และสูง 25 เซนติเมตร มีลูกเล่นและกลไกต่างๆ มากมาย เช่น ที่ซ่อนสมบัติ บัลลังก์ของแจ๊บบาที่เลื่อนได้ ประตูกลที่เป็นกับดัก ประตูทางเข้าที่เลื่อนขึ้นลงได้ ปืนหน้าประตูที่หมุนขึ้นลงได้ จรวดแบบใช้นิ้วดีด (Flick-fire Missile) ที่หลังคา หลังคาที่สามารถเปิดได้ และหอคอยที่สามารถถอดแยกได้ มีรูปร่างและสีสันที่สวยสดงดงาม ถือเป็นชุดหนึ่งที่แฟน Star Wars ไม่ควรพลาดครับ
ขณะที่ผมเขียนรีวิวชุดนี้ มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ชาวตุรกีที่นับถือศาสนาอิสลามได้พากันต่อต้านชุด Jabba’s Palace ของ Lego ชุดนี้ โดยพวกเขาให้เหตุผลว่า Lego ตั้งใจออกแบบวังของแจ๊บบาให้มีรูปร่างคล้ายกับวิหารฮาเยียโซเฟีย หรือ ฮาเจียโซเฟีย (Hagia Sophia) วิหารอิสลามอันศักดิ์สิทธิ์ของตุรกี ซึ่งเป็นการดูถูกศาสนาของเขาอย่างมาก และท้ายที่สุด Lego ก็ตั้งใจที่จะงดการจำหน่ายชุด Jabba’s Palace ชุดนี้ในตุรกีอย่างเป็นทางการแล้ว
เปรียบเทียบ Jabba The Hutt ของชุดนี้ (ซ้าย) กับ Jabba The Hutt จากชุด 4480 – Jabba’s Palace (ปี 2003)
แจ๊บบาตัวใหม่จะมีลวดลายบนตัวทั้งใบหน้าและดวงตาอย่างชัดเจน ดูดีกว่าตัวเดิม และมีหางที่สั้นกว่าเดิม
เปรียบเทียบวังของแจ๊บบาของชุดนี้ (ซ้าย) กับวังของแจ๊บบาจากชุด 4480 – Jabba’s Palace รวมกับชุด 4475 – Jabba’s Message และ 4476 – Jabba’s Prize
เปรียบเทียบจากด้านหน้า
เปรียบเทียบจากด้านข้าง
เปรียบเทียบจากด้านบน (ชุดใหม่จะเปิดหลังคาให้เห็นภายในด้วย)
Set No.: 75003
Set Name : A-Wing Starfighter
Year : 2013
Pieces : 177
Figures : 3 – Han Solo, Admiral Ackbar, Rebel Pilot A-Wing
List Price : $25, Thailand ฿1,800
A-Wing ลำใหม่ล่าสุดจาก Lego เป็น A-Wing ในสเกลปกติลำที่ 4 ที่ Lego ทำออกมา (ไม่นับรวมชุด Ultimate Collector หรือชุด Mini Set) โดยชุดแรกคือ 7134 – A-Wing Fighter (2000) ชุดที่สองคือ 6207 – A-Wing Fighter (2006) และชุดที่สามคือ 7754 – Home One Mon Calimari Star Cruiser (2009)
ดูรายละเอียดของ A-Wing Starfighter ได้ที่ 7134 – A-Wing Fighter
A-Wing ลำนี้มีขนาดกว้าง 14 เซนติเมตร ยาว 19 เซนติเมตร และสูง 7 เซนติเมตร มีลูกเล่นตรงที่ Cockpit สามารถปิดเปิดได้, มีจรวดแบบใช้นิ้วดีด (Flick-fire Missile) จำนวน 4 ลูก และสามารถถอดเครื่องยนต์ช่วงท้ายยานออกมาได้ นอกจากปืนบลาสเตอร์ที่มีในหลายชุดของ Star Wars แล้ว ชุดนี้ยังมีประแจและถ้วยแก้วมาให้ Minifig ถือด้วย (ซึ่งเป็นของแปลก สำหรับธีมของ Star Wars) โดยรวมถีอว่า เป็นชุดที่ไม่น่าพลาด โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยมี A-Wing มาก่อนเลย ข้อเสียก็คงเป็นที่ sticker ซึ่งมีค่อนข้างมากในชุดนี้
เปรียบเทียบ A-Wing ทั้งสามลำ โดยซ้ายคือ A-Wing ของชุดนี้ กลางคือ A-Wing จากชุด 6207 – A-Wing Fighter (2006) และขวาสุดคือ A-Wing จากชุด 7134 – A-Wing Fighter (2000)
เปรียบเทียบจากด้านบน จะเห็นได้ว่า A-Wing ของชุดนี้จะมีขนาดกว้างยาวพอๆ กับ A-Wing จากชุด 6207
เปรียบเทียบทางด้านทแยง จะเห็นได้ชัดเจนว่า รูปร่างและสีสันของ A-Wing ของชุดนี้จะเหมือนกับ A-Wing จากชุด 6207
เปรียบเทียบจากด้านท้ายของยานแต่ละลำ
เปรียบเทียบนักบิน A-Wing จากทั้งสามชุด โดยซ้ายคือนักบิน A-Wing ของชุดนี้ กลางคือนักบินจากชุด 6207 – A-Wing Fighter (2006) และขวาสุดคือนักบินจากชุด 7134 – A-Wing Fighter (2000)
เปรียบเทียบชุดนักบิน A-Wing ของแต่ละชุด (ซึ่งจะเป็นชุดสีเขียว แตกต่างจากชุดนักบินของ X-Wing และ Y-Wing ที่เป็นชุดสีส้ม) โดยชุดนักบิน A-Wing ของชุดนี้จะมีลวดลายมากกว่าชุดนักบินของสองชุดแรก และเป็นสีเขียวเข้ม ในขณะที่สองชุดแรกเป็นสีเขียวสด
Set No.: 6210
Set Name : Jabba’s Sail Barge
Year : 2006
Pieces : 781
Figures : 8 – Luke Skywalker, Princess Leia (Jabba Slave), Han Solo, R2-D2,
Lando Calrissian, Boba Fett, Gamorrean Guard, Jabba the Hutt
List Price : $75, Thailand ฿6,280
ด้านข้างสามารถเปิดออกได้ ทำให้เห็นเครื่องตกแต่งภายในยาน
ยาน Bantha-II Cargo Skiff ขณะพาลุคและฮันไปอยู่เหนือหลุมคาร์คูน
Luke Skywalker, Princess Leia, Han Solo, R2-D2
Lando Calrissian, Boba Fett, Gamorrean Guard, Jabba the Hutt
Jabba’s Sail Barge มีชื่อเรียกว่า Khetanna เป็นยานพาหนะที่แจ๊บบา เดอะ ฮัทท์ (Jabba the Hutt) ใช้เดินทางไปทั่วดาวทาทูอีน เป็นยานที่มีความสูง 3 ชั้นตกแต่งอย่างหรูหรา มีใบเรือสีส้มขนาดใหญ่ 2 ใบ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อการตกแต่งให้สวยงาม แต่ก็ยังมีประโยชน์ตรงที่สามารถป้องกันผู้โดยสารจากแสงแดดอันแรงกล้าจากดวงอาทิตย์ทั้งสองดวงของดาวทาทูอีน ชั้นดาดฟ้าเป็น Private Lounge ที่แจ๊บบาใช้ส่วนตัวกับเหล่าคนสนิทและแขกเท่านั้น ตัวยานยาว 30 เมตร มีความเร็วปานกลางที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเร่งได้สูงสุดถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หลังจากแจ๊บบาได้ยานมา ก็ได้ดัดแปลงยานโดยการติดตั้งปืนใหญ่บลาสเตอร์ที่ดาดฟ้าเรือ ติดระบบค้นหาและตรวจจับสัญญาณที่ดีเยี่ยมซึ่งทำให้อาชญากรตัวเอ้อย่างแจ๊บบาสามารถหลบหลีกจากศัตรูของเขา รวมถึงได้ตบแต่งภายในตัวยานด้วยรูปปั้นนูนต่ำอีกด้วย แจ๊บบาใช้ยานลำนี้สำหรับการเดินทางทำธุรกิจ พักผ่อนรื่นเริง ท่องเที่ยวไปทั่วทะเลทราบของดาวทาทูอีน รวมถึงสอดแนมศัตรูของเขาด้วย ดังนั้น จึงมักมียาน Desert Skiff หรือ Bantha-II Cargo Skiff สองลำคุ้มกันยาน Khetanna ลำนี้อยู่เสมอ
ยาน Khetanna นี้ปรากฏให้เห็นในช่วงต้นเรื่องของ Star Wars : Episode VI – Return Of The Jedi โดยแจ๊บบาใช้เป็นพาหนะลำเลียงลุคและฮัน โซโล ไปกลางทะเลทราย เพื่อปล่อยลงไปตายอย่างช้าๆ ในหลุมคาร์คูน (Carkoon) รังของซาร์แลค (Sarlacc) แต่กลับกลายเป็นว่า แจ๊บบากลับมาต้องตายบนยานลำนี้ด้วยฝีมือของเจ้าหญิงเลอา
Lego จำลองยาน Khetanna ลำนี้ออกมาได้สวยสดงดงาม มีสัดส่วนที่ดีเหมือนกับในหนัง ตัวยาน Khetanna มีความยาว 46 เซนติเมตร ส่วนยาน Bantha-II Cargo Skiff ที่ให้มาด้วย มีความยาว 20 เซนติเมตร ยาน Khetanna มีลูกเล่นตรงที่สามารถเปิดผนังด้านข้างทั้งสองข้างได้ ทำให้เห็นเครื่องตกแต่งภายในยาน ป้อมปืนบลาสเตอร์บนดาดฟ้าเรือสามารถหมุนได้รอบทิศ ส่วนหลุมคาร์คูนมีหัวซาร์แลคที่สามารถอ้าและหุบปากได้ (แต่หลุมและตัวซาร์แลคมีขนาดเล็กไปหน่อย) โดยรวมถือว่าเป็นชุดหนึ่งที่ทำออกมาได้ดี ซึ่งแฟน Star Wars ตัวจริงไม่ควรพลาดครับ
(ภาพจาก starwars.wikia.com)
Set No.: 7104
Set Name : Desert Skiff
Year : 2000
Pieces : 55
Figures : 2 – Luke Skywalker, Han Solo
List Price : $6, Thailand ฿500
เรือกรรเชียงเล็ก (Desert Skiff หรือ Sand Skiff) มีชื่อเฉพาะเจาะจงคือ Bantha-II Cargo Skiff เป็นพาหนะที่มักใช้ทั่วไปบนดาวที่มีแต่ทะเลทรายเช่นดาวทาทูอีน (Tatooine) เป็นยานที่มีเครื่องยนต์ชนิดต่อต้านแรงดึงดูด (Repulsor) ซึ่งสามารถลอยตัวสูงจากพื้นได้ถึง 50 เมตร ตัวยานมีลักษณะคล้ายเรือกรรเชียง มีส่วนควบคุมอยู่ที่ส่วนท้ายของยาน สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บรรทุกผู้โดยสารได้ 16 คน หรือเทียบเท่าน้ำหนักบรรทุก 135 ตัน
เรือกรรเชียงเล็กลำนี้ ปรากฏให้เห็นครั้งแรกใน Star Wars : Episode VI – Return Of The Jedi ในฉากที่แจ๊บบา เดอะ ฮัทท์ (Jabba the Hutt) นำตัวของลุคและฮัน โซโล ไปกลางทะเลทราย เพื่อปล่อยลงไปในหลุมคาร์คูน (Carkoon) รังของซาร์แลค (Sarlacc) ที่ที่เหยื่อจะถูกย่อยสลายอย่างช้าๆ เป็นเวลานับพันปี
เป็นชุดเล็กๆ ชุดหนึ่งที่น่าสนใจครับ
(ภาพจาก starwars.wikia.com)
Set No.: 7879
Set Name : Hoth Echo Base
Year : 2011
Pieces : 773
Figures : 9 – Luke Skywalker (Bacta Tank Outfit), Princess Leia (Hoth Outfit, French Braid Hair), Han Solo (Hoth Outfit),
Chewbacca, R-3PO, 2-1B Medical Droid, 2 Snowtrooper, Tauntaun
List Price : $90, Thailand ฿6,500
ตัวฐานทัพสามารถยืดออกเป็นแนวยาวต่อกันได้
ลุคกำลังรักษาตัวอยู่ใน Bacta Tank ภายใต้การดูแลของ 2-1B Medical Droid
เจ้าหญิงเลอาในห้องบัญชาการรบ
ทอนทอนในกรงขังภายในฐานทัพ
ฮัน โซโลกำลังขี่ทอนทอนออกลาดตระเวณ
Snowtrooper กับปืนกลบลาสเตอร์ (E-Web heavy repeating blaster) และขณะขี่ 74-Z Speeder Bike
Luke Skywalker (Bacta Tank Outfit), Princess Leia (Hoth Outfit, French Braid Hair), Han Solo (Hoth Outfit), Chewbacca
R-3PO, 2-1B Medical Droid, 2 Snowtrooper
Echo Base หรือ ฐานเอ็คโค่ เป็นชื่อของฐานทัพลับของฝ่ายกบฏบนดาวน้ำแข็งดวงที่ 6 ในระบบดาวโฮธ (Hoth) ซึ่งมีแต่ความหนาวเย็นและพายุหิมะ โดยกองทัพกบฏได้ย้ายฐานลับหนีมาจากดาวยาวิน 4 (Yavin IV) หลังจากที่นั่นไม่เป็นความลับอีกต่อไป ฉากที่ชุดนี้จำลองมาเป็นฉากภายในฐานทัพซึ่งมีทั้งตอนที่ลุครักษาตัวอยู่ใน Bacta Tank ภายใต้การดูแลของ 2-1B Medical Droid, ฉากเจ้าหญิงเลอาในห้องบัญชาการรบ, ฉากตัวทอนทอน (Tauntaun) ในกรงขังภายในฐานทัพ เป็นต้น
ตัวฉากทั้งหมด เมื่อประกบเป็นสี่เหลี่ยม จะมีขนาดกว้าง 26 เซนติเมตรและยาว 29 เซนติเมตร และเมื่อกางออกจะกลายเป็นฉากที่มีความยาว 52 เซนติเมตร ในชุดนี้ จะมี Minifig ใหม่ คือ ลุคในชุดเกือบเปลือย แช่น้ำยารักษาแผลใน Bacta Tank, เจ้าหญิงเลอา ในชุดดาวโฮธแบบใหม่พร้อมผมเปียทรงใหม่ และหุ่น R-3PO สีแดงสด (ส่วน ฮันโซโล ต่างจากเดิมเพียง Hood คลุมหัว และ 2-1B Medical Droid ต่างจากเดิมเพียงแขน) ถือเป็นชุดหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะให้ Minifig มาถึง 9 ตัว และนานๆ ครั้ง กว่าธีม Star Wars จะมีการทำเป็นฉากจำลองออกมา (ส่วนใหญ่จะเป็นยานพาหนะ)
ก่อนหน้านี้ Lego ได้ทำชุด 7666 – Hoth Rebel Base ออกมาในปี 2007 และ 7749 – Echo Base ออกมาในปี 2009 ซึ่งทั้งสองชุดก็เป็นการจำลองฉากภายในฐานเอ็คโค่เช่นกัน ซึ่งเมื่อนำทั้ง 2 ชุดมารวมกับชุดนี้ ก็จะได้ฐานเอคโค่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีเรื่องราวหลากหลายมากขึ้น
จัดรวมชุด 7879 – Hoth Echo Base (ชุดนี้), ชุด 7666 – Hoth Rebel Base และชุด 7749 – Echo Base เข้าด้วยกัน
Snowtrooper ใช้ปืนกลบลาสเตอร์ (E-Web heavy repeating blaster) เข้าต่อสู้กับป้อมปืนใหญ่เลเซอร์ (DF.9 Anti-infantry laser battery) ของฝ่ายกบฏ
หุ่น R-3PO (สีแดง) ของชุดนี้ และหุ่น K-3PO (สีขาว) จากชุด 7666 – Hoth Rebel Base
Set No.: 8129
Set Name : AT-AT Walker
Year : 2010
Pieces : 815
Figures : 8 – Luke Skywalker (Pilot), Han Solo, C-3PO, Hoth Rebel Trooper
General Veers, AT-AT Driver, 2 Snowtrooper
List Price : $110, Thailand ฿6,999
กลางลำตัวเปิดให้เห็นห้องโดยสารภายใน และ Snowtrooper
นายพลเวียร์กับส่วนที่เป็น Command Center พร้อมด้วย AT-AT Driver และ Snowtrooper
C-3PO, ฮัน โซโล และทหารกบฏพร้อมด้วยป้อมปืนใหญ่เลเซอร์ 1.4 FD P-Tower
เป็นเครื่องจักรสงครามใน Star Wars ที่ผมโปรดปรานที่สุด และในโอกาสครบรอบ 30 ปีของ The Empire Strikes Back ถ้าจะไม่มีเจ้าตัวนี้ ก็คงเป็นการตกหล่นอะไรไปบ้างแน่นอน ใช่แล้ว มันก็คือ AT-AT ที่กองทัพจักรวรรดิใช้เป็นกำลังหลักในการบดขยี้กองทัพของฝ่ายกบฏในสมรภูมิรบดาวโฮธ (Hoth) นั่นเอง
AT-AT ตัวนี้มีความยาว 33 เซนติเมตร สูง 30 เซนติเมตร ส่วนหัวสามารถเปิดให้ AT-AT Driver เข้าไปนั่งได้ ส่วนลำตัว ก็เปิดให้เห็นส่วนห้องโดยสารของเหล่า Snowtrooper ได้ และยังมีส่วนที่เป็น Command Center ของนายพลเวียร์ (General Veers) ด้วย (แต่ในหนังจะเห็นว่านายพลเวียร์อยู่ในห้องพลขับที่ส่วนหัว) นอกจากตัว AT-AT แล้ว ในชุดนี้ยังให้ป้อมปืนใหญ่เลเซอร์ 1.4 FD P-Tower ซึ่งมีรูปทรงคล้ายเรดาร์มาด้วย ชุดนี้ให้ Minifig มาถึง 8 ตัว (แต่บางตัวก็ไม่เกี่ยวข้องกับสมรภูมิรบเลย เช่น ฮัน โซโล และ C-3PO ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในฉากรบนี้) โดย Minifig บางตัว เช่น นายพลเวียร์ จะต่างจากตัวเดิมในชุด 10178 อย่างชัดเจน ส่วน ฮัน โซโล ดูผิวเผินจะคล้ายกับตัวเดิมในชุด 4504, 6212 หรือ 7666 แต่ก็ไม่ใช่ ส่วนที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตและหน้าตาจะแตกต่างจากเดิม ส่วนลุค สกายวอคเกอร์ค่อนข้างคล้ายกับตัวเดิมในชุด 6212 หรือ 10178 มากแต่ก็แตกต่างจากเดิมตรงเสื้อนักบิน และหน้าตาที่มีการแต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำ (เช่น สีขาวในตาดำ, คิ้วเป็นสีน้ำตาล และรอยคางเป็นสีแดง)
AT-AT ตัวนี้ นับเป็นตัวที่ 5 ที่ Lego ทำออกมา โดยมีชุด 9754 – Dark Side Development Kit (ชุด Technic) ออกมาเป็นชุดแรกในปี 2000, ชุด 4483 – AT-AT ปี 2003, ชุด 4489 – AT-AT (ชุด Mini) ปี 2003 เป็นชุดที่สองและสาม และชุด 10178 – Motorized Walking AT-AT ปี 2007 เป็นชุดที่สี่ แต่ ณ ที่นี้ ผมจะนำมาเปรียบเทียบกันเพียง 3 ชุดเท่านั้นโดยไม่รวมถึงชุด Technic และชุด Mini ซึ่ง 3 ชุดนี้ก็คือชุด 4483 ปี 2003, ชุด 10178 ปี 2007 และชุด 8129 นี้ ซึ่งโดยรวมแล้ว AT-AT ทั้ง 3 ชุดนี้มีรูปร่างและสัดส่วนใกล้เคียงกันมาก สามารถนำเอาทั้ง 3 ตัวมาตั้งโชว์ด้วยกันเพื่อทำเป็น Diorama ของสมรภูมิรบดาวโฮธได้เลย สิ่งแตกต่างที่พอเห็นได้ก็เช่น ชุดล่าสุดนี้ (8129) มีลักษณะรูปร่าง โดยเฉพาะส่วนหัว ดูดีกว่า 2 ตัวแรกเล็กน้อย (ดูเหมือนในหนังมากกว่า) แต่กลับมีขนาดเล็กกว่าชุด 4483 (ปี 2003) อย่างเห็นได้ชัดเจน และด้อยกว่าชุด 10178 (ปี 2007) ที่มีจุดเด่นตรงที่สามารถเดินได้จริง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นชุดที่น่าสนใจชุดหนึ่งทีเดียว ใครที่เคยพลาด AT-AT ตัวก่อนหน้านี้ไป คราวนี้ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ
เปรียบเทียบ AT-AT จากชุดต่างๆ โดย ซ้ายสุดคือชุด 4483 – AT-AT (2003) กลางคือชุด 10178 – Motorized Walking AT-AT (2007) และขวาสุดคือชุดนี้ 8129 – AT-AT Walker (2010)
หมายเหตุ AT-AT จากชุด 10178 บนส่วนหลังจะมีการดัดแปลงจากต้นแบบเล็กน้อย (ใส่ IR Receiver เพื่อให้ใช้ Remote Control บังคับได้)
Set No.: 7144
Set Name : Slave I
Year : 2000
Pieces : 166
Figures : 2 – Boba Fett, Canbonized Han Solo
List Price : $20, Thailand ฿1,450
Slave I เป็นยานที่แจงโก้ เฟตต์ (Jango Fett) ดัดแปลงมาจากยาน Firespray-31-class patrol and attack craft ซึ่งถูกแบบมาเพื่อให้ตำรวจใช้ในการลาดตระเวนและขนส่งนักโทษ และเนื่องจากถูกใช้เป็นยานขนส่งด้วย มันจึงมีห้องหรือช่องว่างจำนวนมาก มีอุปกรณ์สำหรับควบคุมสัตว์ร้ายและนักโทษ สัญญลักษณ์อย่างหนึ่งของยานลำนี้ก็คือ จอดในแนวนอน แต่บินในแนวตั้ง ดังนั้น ในขณะจอดยาน ห้องนักบินจะหันหน้าขึ้นด้านบน และเครื่องยนต์จะหันลงด้านล่าง
เมื่อแจงโก้ เฟตต์ขโมย Firespray ต้นแบบหนึ่งในหกลำไป เขาได้ดัดแปลงมันอย่างมาก ทำให้มันค่อนข้างมีความล้ำสมัยและเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บมากมาย เช่น ติดตั้งปืนใหญ่บลาสเตอร์คู่ ปืนกลเลเซอร์ เครื่องยิง Homing Missiles หรือมิสไซล์นำวิถี เครื่องปล่อยทุ่นระเบิด เครื่องยิงตอร์ปิโดโปรตอน ฯลฯ อาวุธของมันบางอย่างจะถูกติดตั้งและซ่อนในส่วนลำตัวของยาน จะต้องมีเลื่อนเกราะเปิดช่องออกก่อนจึงจะทำการโจมตีได้
หลังจากแจงโก้ ตายในสมรภูมิรบดาวจีโอโนซิส (Geonosis) ยาน Slave I ได้ตกทอดมายังโบบา เฟตต์ (Boba Fett) ซึ่งเขาได้ดัดแปลงยานอีกมากมาย รวมถึงทาสีของยานใหม่เป็นสีเขียว โบบายังได้ติดตั้งระบบทรงตัวให้กับห้องนักบิน เพื่อให้เก้าอี้นักบินอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งขึ้นตลอดไม่ว่าจะจอดหรือบิน อาวุธที่โบบาเปลี่ยนแปลงได้แก่ติดตั้งปืนใหญ่อิออนแทนปืนกลเลเซอร์ ติดตั้งเพิ่มเติมก็ได้แก่เครื่องยิง Concussion Missile รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ติดตาม (Tractor Beam) และเครื่องกวนสัญญาณเรดาร์และคลื่นวิทยุเพื่อทำให้ยานมีสภาพคล้าย “ล่องหน”
ยาน Slave I ปรากฏให้เห็นครั้งแรกในภาค Star Wars : Episode V – The Empire Strikes Back ในฉากที่มิลลิเนียมฟอลคอนหลบหนีการตามไลล่าของเหล่ายานพิฆาตดารา (Star Destroyer) จากสมรภูมิรบดาวโฮธ ในขณะที่การหลบหนีใกล้จะสำเร็จ ก็ถูกโบบา เฟตต์ขับ Slave I ลอบติดตาม และทำให้ฮัน โชโลถูกดาร์ธ เวเดอร์จับในที่สุด
เป็น Slave I ลำแรกที่ Lego ทำออกมา แม้จะไม่มีความโค้งมนเหมือนลำอื่นๆ ที่ทำออกมาภายหลัง แต่ก็นับได้ว่า มันสามารถจำลองรูปลักษณ์ที่สำคัญของ Slave I ออกมาได้ครบถ้วน สัดส่วนและสีสันก็ถือว่าทำออกมาได้เหมาะสม สวยงาม ใครที่พลาดชุดนี้ ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นแฟน Slave I ตัวจริงครับ
(ภาพจาก starwars.wikia.com)
Set No.: 4501
Set Name : Mos Eisley Cantina
Year : 2004
Pieces : 193
Figures : 6 – Luke Skywalker, Obi-Wan Kenobi, Han-Solo
Greedo, Sandtrooper, Dewback
List Price : $30, Thailand ฿2,120
เมื่อวัน Meeting ของ T-LUG ครั้งที่ผ่านมา คุณธี’วัต คุณจอม และคุณนิก ได้พูดถึงการจำลองฉากบนดาวทาทูอีน ซึ่งเรื่องราวบนดาวทาทูอีนที่สำคัญจะมีอยู่ใน 2 ภาค คือฉากแข่ง Pod Racer ในภาค Star Wars : Episode I – The Phantom Menace และฉากที่เมืองท่ามอสไอซลีย์ (Mos Eisley) ในภาค Star Wars : Episode IV – A New Hope ซึ่งลุคได้พบกับฮัน โชโลเป็นครั้งแรก ผมเลยนำชุดนี้มาให้ได้ชมกัน
ชุดนี้จะเป็นการจำลองฉากในเมืองท่ามอสไอซลีย์ ซึ่งเบน หรือโอบีวัน เคนโนบี พาลุคและหุ่นดรอยด์ นั่ง Landspeeder ผ่านด่านสกัดของ Sandtrooper เพื่อเข้าไปตามหานักบินในเมือง ในขณะที่ฮันก็กำลังเจรจากับนักล่าค่าหัวชื่อ กรีโด้ (Greedo) ในร้านเหล้าของเมือง และเป็นที่มาของชื่อชุดชุดนี้
มอสไอซลีย์ เป็นเมืองท่าจอดยานอวกาศของดาวทาทูอีน เต็มไปด้วยพวกลักลอบขนของเถื่อน และพวกผิดกฎหมาย ตัวเมืองมีขนาดใหญ่กว่าที่เห็นมากนัก เพราะมีบางส่วนอยู่ใต้ดิน มีประชากรประมาณ 4 – 6 หมื่นคน
กรีโด้ เป็นชาว Rodian จากดาว Rodia มีลักษณะเป็นมนุษย์กึ่งสัตว์เลื้อยคลาน มีผิวหนังหยาบสีเขียว กลมกลืนไปกับสภาพป่าของดาว Rodia มีดวงตาที่ใหญ่ สามารถมองเห็นคลื่นรังสีอินพาเรด ทำให้สามารถหาเป้าในความมืดโดยมองจากคลื่นความร้อนได้ ชาว Rodian ได้ชี่อว่าเป็นพวกชอบความรุนแรง และชอบการต่อสู้ แต่สำหรับกรีโด้แล้ว ได้ชื่อว่าเป็นนักล่าค่าหัวที่ล้มเหลว ตรงข้ามกับพ่อของเขา Greedo the Elder ซึ่งเป็นนักล่าที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง
ดิวแบ็ก (Dewback) เป็นสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็นขนาดใหญ่ มี 4 ขา กินไม่เลือก เป็นสัตว์พื้นถิ่นที่อาศัยอยู่ในแถบทะเลทรายของดาวทาทูอีน มันจึงปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศแบบทะเลทรายอันรุนแรงได้ เมื่อโดเต็มที่จะมีความสูง 1.3 – 2.1 เมตร และยาว 2 – 3 เมตร มันเป็นสัตว์ที่เชื่องง่าย จึงถูกนำไปฝึกเพื่อใช้เป็นพาหนะสำหรับเดินทางบนดาวทาทูอีน
ใน Star Wars ที่ฉายครั้งแรกในปี 1977 นั้น เราจะเห็น Sandtrooper ขี่ตัวดิวแบ็กอยู่ไกลๆ ในฉากหลัง เหมือนไม่เคลื่อนไหว ทั้งนี้เพราะการถ่ายทำฉากทะเลทรายที่ประเทศตูนิเซีย ทำให้หุ่นของตัวดิวแบ็กที่เตรียมการให้เคลื่อนไหว (เหมือนหุ่นกระบอก) ไม่สามารถทำงานได้ ต่อมาในปี 1995 จอร์จ ลูคัสได้ถ่าย footage ฉากนี้ในทะเลทรายของอริโซน่าใหม่เพื่อให้ Star Wars : Episode IV – A New Hope ฉบับ Special Edition ที่จะออกฉายในปี 1997 สมบูรณ์ที่สุด รวมกับ Computer Graphic ที่ทันสมัยกว่าเดิมมาก ทำให้เราเห็นตัวดิวแบ็กเป็นเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน
ชุดนี้ถือเป็นชุดหนึ่งที่แฟน Star Wars ไม่ควรพลาด เพราะมี Minifig ที่ไม่มีในชุดอื่นเลยคือกรีโด้ และตัวดิวแบ็กซึ่งมีอยู่ภายในชุดนี้เท่านั้น ส่วนยาน Landspeeder มีสัดส่วนของยานดีขึ้นกว่า (ยาวกว่า) ลำเก่าในชุด 7110 – Landspeeder ที่ออกมาในปี 1999 แต่สีของยานอาจจะออกสีชมพูแดงไปหน่อย ส่วนตัวร้านเหล้าให้สีสันได้สดใส แต่ขนาดค่อนข้างเล็ก สรุปโดยรวม ถือได้ว่าเป็นชุดหนึ่งที่น่าเก็บทีเดียว
(ภาพจาก starwars.wikia.com)
Set No.: 8038
Set Name : The Battle of Endor
Year : 2009
Pieces : 890
Figures : 12
List Price : $100, Thailand ฿8,430
ชุดนี้ให้ Minifig มาถึง 12 ตัว ถือว่าค่อนข้างเยอะครับ ผมขอแจกแจงก่อนเลยนะครับ
Han Solo (Falcon), Princess Leia (Endor Outfit), Chewbacca (Reddish Brown), R2-D2
Chief Chirpa (Ewok), Wicket (Ewok), Paploo (Ewok), Imperial Trooper
Rebel Commando Frown, Rebel Commando Beard, 2 Scout Trooper
เอ็นดอร์ (Endor) เป็นดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในบริวาร 9 ดวงของดาวก๊าซยักษ์ Endor (หรือ Tana) ในระบบทวิสุริยะ รู้จักกันทั่วไปในนาม ดวงจันทร์ป่าดงดิบ (ดวงจันทร์เอ็นดอร์ จะเป็นที่รู้จักกว่าดาวก๊าซยักษ์เอ็นดอร์) พื้นที่เป็นป่าทึบ ทุ่งหญ้า และเทือกเขา มีประชากรประมาณ 30 ล้าน ประกอบไปด้วย อีว็อค (Ewok), ยัซซัม (Yuzzums), Teeks และ Gorphs ฝ่ายจักรววรดิยึดครองดาวดวงนี้ไว้เพื่อใช้สร้างเกราะสนามพลังงานคุ้มกันให้กับ Death Star ดวงที่ 2 ที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง การรบ ณ สมรภูมิแห่งนี้ เป็นการรบที่ฝ่ายกบฏสามารถพลิกมาเอาชัยชนะเหนือฝ่ายจักรวรรดิได้อย่างค่อนข้างเด็ดขาด และเป็นจุดสิ้นสุดยุคของจักรวรรดิ
ถือว่าเป็นชุดใหญ่ชุดหนึ่งครับ เพราะมีทั้ง ฐานทัพ (Bunker), ไอ้ขาไก่ (AT-ST), Speeder Bike, เครื่องร่อน และเครื่องยิงหิน (Catapult) สามารถเอาทั้งหมดมาจำลองการรบในสมรภูมิรบดาวเอ็นดอร์ได้อย่างสบาย (จะดีมากเลยถ้าให้ทหาร Imperial Trooper ในชุดดำเพิ่มมาอีก) ตัวบังเกอร์ออกแบบมาได้ดี สีสันสวยงาม แม้จะดูว่ามี scale เล็กไปบ้าง มีลูกเล่นตรงประตูเลื่อนปิดเปิดได้ และถ้ากดที่จานด้านบน ชิ้นส่วนที่เป็นผนังก็จะกระเด็นออกมาเหมือนโดนระเบิด (มีกลไกที่เป็นสปริงอยู่ภายใน) ไอ้ขาไก่ (AT-ST) ได้รับการ redesign ใหม่ (เป็นครั้งที่ 2) สามารถหันหัวได้ และก้าวขาได้ แต่สมดุลย์ไม่ดีนัก ถ้าก้าวขาออกมาอาจทำให้ล้มได้ง่าย 74-Z Speeder Bike ก็ได้รับการได้รับการ redesign ใหม่ (เป็นครั้งที่ 2) เช่นกัน โดยเอา part ที่เป็นลำตัวของรถสามล้อ (Tricycle Body) มาทำเป็นลำตัวของ Speeder Bike เลย ซึ่งก็ทำให้ Speeder มีขนาดกระทัดรัดขึ้น ส่วนเครื่องร่อนและเครื่องยิงหินก็ได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูดีขึ้นเช่นกัน และเครื่องยิงหินสามารถยิงได้ค่อนข้างไกลทีเดียว แต่ที่ถือว่าเป็นทีเด็ดของชุดนี้สำหรับผมแล้วก็คือ Minifig ของตัวอีว็อคทีมีรายละเอียดที่สวยงาม (ดีกว่าในชุด 7139 – Ewok Attack มาก) และชุด Commando ฝ่ายกบฏที่ทำออกมาเป็นครั้งแรก ข้อดีอีกอย่างก็คือ ชุดนี้ไม่มี sticker ครับ สรุปโดยรวมแล้วถือว่าเป็นชุดที่น่าเก็บเป็นอย่างยิ่งครับ
ซ้ายคือชุด 7657 กลางคือชุดนี้ และขวาคือชุด 7127
เปรียบเทียบจากด้านหน้า จะเห็นว่าชุด 7657 มีความสูงที่สุด
เปรียบเทียบจากด้านข้าง
ชุด 7657 (ซ้าย) จะหันหัวได้ ชุด 7127 (ขวา) จะขยับขาได้ แต่ชุดนี้ (กลาง) จะทำได้ทั้ง 2 อย่าง
ซ้ายคือชุด 7139 กลางคือชุดนี้ และขวาคือชุด 7128
เปรียบเทียบจากด้านทแยง
เปรียบเทียบจากด้านบน จะเห็นว่าชุดนี้ ลำตัวยานสั้นที่สุด
เครื่องร่อนทางซ้ายคือชุดนี้ และขวาคือชุด 7139
เครื่องยิงหินทางซ้ายคือชุดนี้ และขวาคือชุด 7139
ตัวที่ 2 และ 4 คือตัวอีว็อคจากชุด 7139 ส่วนตัวอีว็อคของชุดใหม่นี้ จะมีการ paint สีของผ้าคลุมหัวรวมถึงมีลวดลายบนผ้าด้วย ส่วนนัยน์ตาก็มีการทำสีเป็นตาดำและตาขาวเช่นกัน นอกจากนี้ส่วนบนของตัวอีว็อคแต่ละตัวนี้ก็จะแยกใส่ถุงพลาสติก ถุงละชิ้นไม่ปนกับ part อื่น
Set No.: 7749
Set Name : Echo Base
Year : 2009
Pieces : 155
Figures : 6 – Han Solo (Hoth Outfit), 2 Snowtrooper,
2 Hoth Rebel Trooper, Tauntaun
List Price : $25, Thailand ฿2,070
ทหารฝ่ายกบฏในบังเกอร์บนดาวโฮธ และ ป้อมปืนใหญ่เลเซอร์ (DF.9 Anti-infantry laser battery)
Snowtrooper ขณะยิงปืนกลบลาสเตอร์ (E-Web heavy repeating blaster)
Han ขณะกำลังขี่ตัวทอนทอนออกลาดตระเวณบนดาวโฮธ
เป็นอีกหนึ่งชุดที่ออกมาในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีของ Lego ใน Theme ของ Star Wars โดยจำลองมาจากเหตุการณ์ในสมรภูมิรบดาวโฮธ (Hoth) ในภาค Star Wars : Episode V – The Empire Strikes Back ที่ออกฉายในปี 1980
Echo Base หรือ ฐานเอ็คโค่ เป็นชื่อของฐานทัพลับของฝ่ายกบฏบนดาวน้ำแข็งดวงที่ 6 ในระบบดาวโฮธ (Hoth) ซึ่งมีแต่ความหนาวเย็นและพายุหิมะ โดยกองทัพกบฏได้ย้ายฐานลับหนีมาจากดาวยาวิน 4 (Yavin IV) หลังจากที่นั่นไม่เป็นความลับอีกต่อไป โดยฉากที่ถูกจำลองมาฉากแรก เป็นตอน Han Solo และ Luke ขี่ตัว ทอนทอน (Tauntaun) ออกลาดตระเวณ และลุคได้หายตัวไปเนื่องจากถูกตัวแวมป้า (Wampa) ทำร้าย จนฮันต้องขี่ตัวทอนทอนออกไปตามหา ส่วนอีกฉากที่จำลองมาเป็นฉากการรบระหว่างทหารของกองทัพกบฏ กับทหาร Snowtrooper ของกองทัพจักรวรรดิ
สิ่งที่เด็ดสุดของชุดนี้ก็คงเป็นตัวทอนทอนนี่เอง นี่เป็นครั้งแรกที่ Lego จับเอาสัตว์ตัวนี้มาจำลอง (หลังจากมีสัตว์ประหลาดในโลกของ Star Wars มาแล้วหลายตัว) รองลงมาก็คงเป็น Han Solo ที่มาในชุดและ Hood แปลกตา ส่วน Hoth Rebel Trooper คล้ายกับในชุด 7666 Hoth Rebel Base ต่างกันตรงที่แว่นกันแดด แต่ Snowtrooper เหมือนกันทุกประการ ซึ่งทั้ง 2 ก็ถือได้ว่าเป็น Minifig ที่น่าเก็บสำหรับผู้ที่ต้องการจำลองฉากการรบบนโฮธให้อลังการ มีคำแนะนำจากคุณปัญญา แฟนพันธุ์แท้ Lego (ขออนุญาตกล่าวอ้างครับ) ว่า ถ้าเป็นแฟน Star Wars จริง ต้องเก็บชุดนี้ไว้ 2 ชุด เพราะจะได้มีทอนทอนอีกตัวไว้ให้ลุคขี่ ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับ
ทอนทอนเป็นสัตว์จำพวก Reptomammal (พันธุ์ผสมระหว่างสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) กินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร เป็นสัตว์ท้องถิ่นของดาวน้ำแข็งโฮธ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพหนาวเย็นบนดาวโฮธได้เป็นอย่างดี มีเท้าที่ใหญ่ที่วิ่งบนน้ำแข็งได้ดี มีขนปกคลุมทั่วร่าง ชั้นของไขมันที่หนาเพื่อป้องกันความหนาวเย็น มีปอดที่ใหญ่และรูจมูกที่กว้าง ระบบย่อยอาหารที่ดีที่สามารถขับของเสียที่กลายสภาพเป็นคล้ายน้ำมันออกทางผิวหนัง รวมถึงสร้างกลิ่นที่เหม็นฉุนอย่างรุนแรงด้วย ดังนั้น มันจึงถูกนำมาใช้โดยกองทัพฝ่ายกบฏเพื่อใช้เป็นยานพาหนะบรรทุกสิ่งของ รวมถึงใช้เป็นพาหนะในการลาดตระเวนด้วย เนื่องจากยานพาหนะดั้งเดิมของพวกเขาไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศอันหนาวเหน็บของดาวโฮธได้
(ขอบคุณคุณจอมมากครับ สำหรับของฝากชิ้นนี้จากประเทศ Germany)
(ภาพจาก starwars.wikia.com)